Goodlooks.in.TH

ถ้าคุณไม่สามารถทำอะไรก็ตามให้ดีได้ ก็จงพยายามทำให้มันดูดีที่สุด

7 วิธีรักษารอยสิว ทำง่ายได้ผลจริง ใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้น

7 วิธีรักษารอยสิว ทำง่ายได้ผลจริง ใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้น

วิธีรักษารอยสิว ทำง่ายได้ผลจริง ใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้น

สิวอีกหนึ่งปัญหากวนใจของหนุ่มสาวทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่มีการสวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเกือบตลอดเวลา สิวจึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของหนุ่มสาวอีกต่อไป สิวยังลุกลามไปยังผู้คนในช่วงอายุอื่นๆ อีกด้วย และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อรักษาสิวหายแล้ว เจ้าสิวตัวร้ายก็ยังทิ้งรอยสิวไว้ให้คุณดูต่างหน้าอีกต่างหาก สำหรับบทความนี้เราจึงขอพาทุกท่านไปพบกับ 7 วิธีรักษารอยสิวแบบง่ายๆ กันค่ะ

1.การใช้เลเซอร์

วิธีนี้จะเป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีเวลาใส่ใจดูแล เพราะหลังจากที่คุณรักษารอยสิวด้วยการใช้เลเซอร์จะทำให้ผิวหน้าบางลง คุณจึงต้องหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด รวมถึงมลภาวะต่างๆ ที่จะมาทำร้ายทำลายผิวของคุณเองได้ โดยหลังจากที่คุณใช้เลเซอร์รักษารอยสิวคุณห้ามโดนแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์เลย และวิธีนี้ก็สามารถรักษารอยสิวที่เกิดเป็นหลุมสิวได้อีกด้วย

2.การลอกหน้า

วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่ต้องทำในคลินิกเหมือนวิธีแรก เพียงแต่มีระดับความรุนแรงที่น้อยกว่า และเป็นการทำทั้งใบหน้าซึ่งแตกต่างกับการใช้เลเซอร์ที่เป็นการรักษารอยสิวเฉพาะจุด วิธีการนี้คุณจึงไม่เพียงมีรอยสิวที่จางลงและหายไป และคุณยังจะมีผิวหน้าที่เรียบเนียนส่ำเสมอกันอีกด้วย การรักษาสิวด้วยวิธีการลอกหน้านี้บางคลินิกก็จะใช้สูตรที่เป็นกรดอ่อนๆ บางคลินิกก็จะใช้สูตรที่เป็นสารเคมีสำหรับการลอกหน้าโดยเฉพาะซึ่งหลังจากการลอกหน้าคุณไม่ควรใช้เครื่องสำอางใดๆ เลยเป็นเวลาอย่างน้อย 1 วัน และควรหลีกเลี่ยงจากแสงแดดเป็นเวลา 1 สัปดาห์ด้วย

3.การรับประทานหรือทายาที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ

วิตามินเอไม่เพียงช่วยในการรักษาสิวตามที่เรารู้กันดีอยู่แล้ว วิตามินเอยังช่วยรักษารอยสิวอีกด้วย เพราะวิตามินเอนี้มีทั้งคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระจ่างใสและช่วยให้ผิวเรียบเนียนด้วย อย่างไรก็ดีวิตามินเอนี้จัดเป็นยาคุณไม่สามารถซื้อมารับประทานหรือซื้อมาทาด้วยตัวเองได้ ต้องมีใบสั่งจ่ายยาจากแพทย์ หรือ รับจากแพทย์ที่คุณรักษารอยสิวอยู่เท่านั้น ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากวิตามินเอมีผลการวิจัยว่าส่งผลกระทบทำให้เกิดการแพ้แสงของผิว ทำให้ผิวบางลง รวมถึงในสตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรก็มีข้อห้ามสำหรับการใช้วิตามินเอเช่นกัน

4.การใช้เวชสำอางลดรอยสิว

ส่วนนี้มีการแข่งขันกันสูงมากซึ่งคุณจะสามารถสังเกตได้จากชั้นขายเวชสำอางในปัจจุบันก็มีเวชสำอางลดรอยสิววางขายอยู่อย่างหลากหลายญี่ห้อ แถมแต่ละญี่ห้อก็งัดสารสำคัญที่ช่วยเรื่องสิวกันมาแบบจัดเต็มทั้งที่มาจากธรรมชาติอย่างหอมแดง ต้นเลือดมังกร หรือ มาจากการสังเคราะห์อย่างวิตามินบีสาม หรือ Thiamidol เป็นต้น ด้วยวิธีนี้รอยสิวที่เกิดขึ้นก็จะต้องใช้เวลาในการหายประมาณ 7 – 30 วันกันเลยทีเดียว ทั้งนี้การซื้อเวชสำอางมาใช้ด้วยตัวเองคุณก็ควรทดสอบการแพ้โดยทาบริเวณข้อพับแขนหรือหลังใบหูเสียก่อน

5.การรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริม

ส่วนนี้เป็นการช่วยลดรอยสิวจากกลไกภายในร่างกายของคุณเลย โดยการรับประทานวิตามินไปช่วยเสริมสร้างและบรรเทารอยสิวที่เกิดขึ้นนั่นเอง

6.การดื่มน้ำ

หลายๆ ท่านอาจคิดว่าเพียงแค่การดื่มน้ำจะช่วยลดรอยสิวได้อย่างไร เพราะการดื่มน้ำนั้นช่วยให้เกิดการขับถ่ายของเสีย รอยสิวก็เกิดได้จากการอักเสบซึ่งร่างกายมีการหลั่งสารเคมีบางชนิดออกมาทำให้เกิดเป็นรอยแดงหรือรอยดำ การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอหรือพอดีก็จะช่วยลดรอยสิวได้เช่นกัน

7.การทำจิตใจให้สดใส

เมื่อเกิดรอยสิวขึ้นทำให้เป็นปัญหากวนใจหลายๆ ท่าน และบางครั้งเมื่อเกิดรอยสิวแล้วก็ทำให้กังวล จึงเกิดการไปสัมผัสบริเวณนั้นๆ มากกว่าปกติทำให้รอยสิวถูกเสียดสีหรืออาจเกิดความสกปรกจากการสัมผัส อีกทั้งการมีจิตใจที่แจ่มใสก็จะทำให้ร่างกายหลั่งสารเคมีที่ช่วยให้รอยสิวหายได้เร็วขึ้นอีกด้วย

รอยสิวจะไม่เป็นปัญหาที่คุณต้องกังวลหรือกวนใจอีกเลยเมื่อคุณเองได้ลองปรับประยุกต์และเลือกวิธีการลดรอยสิวจาก 7 ข้อข้างต้นนี้ โดยคุณอาจเลือกทำเพียงข้อเดียว แต่หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วก็ควรเลือกมากกว่า 1 ข้อ และข้อนั้นๆ ต้องส่งเสริมกันด้วย