Goodlooks.in.TH

สังคมทุกวันนี้ ต้องสร้างภาพให้ดูดี

ตาบวม เกิดขึ้นได้อย่างไร มีสาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง

ตาบวม เกิดขึ้นได้อย่างไร มีสาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง

ตาบวม เกิดขึ้นได้อย่างไร มีสาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง

ตาบวม (Swollen Eyes) คือ อาการที่มีของเหลวในบริเวณตาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จะเกิดขึ้นที่บริเวณเปลือกตา ซึ่งการเกิดตาบวมนั้นมักจะมาจากหลายสาเหตุ และในแต่ละสาเหตุนั้นจะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการรักษาอาการตาบวมจึงควรรักษาตามสาเหตุหรืออาการที่เกิดขึ้น โดยวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการสังเกตอาการและวิธีการรักษาดูดไขมันเบื้องต้น เพื่อให้ผู้ที่เกิดอาการนี้สามารถนำไปสังเกตได้ด้วยตนเอง

อาการตาบวมที่พบได้บ่อย

อาการที่ทำให้เกิดตาบวม (Swollen Eyes) นั้น มักจะมีหลายสาเหตุ โดยอาการที่พบได้บ่อยนั้นจะมีอาการดังนี้

  • มีอาการระคายเคืองที่ตาหรือเปลือกตา โดยจะมีอาการปวดหรือคัน
  • ตาแดง ตาแห้ง
  • การมองเห็นไม่ค่อยชัดหรือมีอาการตาพร่ามัว
  • มีขี้ตามากกว่าปกติหรือมีน้ำตาไหลตลอดเวลา

สาเหตุของอาการตาบวม

อาการตาบวม (Swollen Eyes) อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ โดยอาการที่เกิดขึ้นในแต่ละสาเหตุนั้นจะมีวิธีในการรักษาแตกต่างกัน ดังนั้นลองมาดูว่าการเกิดปัญหาตาบวมที่พบได้บ่อยนั้น มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง

  • ภูมิแพ้
  • ตาอักเสบ ที่เกิดจากการติดเชื้อ
  • ร้องไห้ติดต่อกันเป็นเวลานานจนเกินไป
  • อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณตา
  • โรคประจำตัว
  • การใช้งานสายตาต่อเนื่อง หรือจ้องจอคอมพิวเตอร์กับจอโทรศัพท์เป็นเวลานาน

อาการตาบวมมักจะเกิดขึ้นและหายได้เอง โดยอาจจะใช้ระยะเวลา 2-3 วัน แต่ถ้าหากมีอาการบวมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หรือรู้สึกปวดบริเวณรอบ ๆ ดวงตา ก็ควรที่จะไปพบแพทย์ในทันที เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาในขั้นต่อไป

การดูแลและรักษาตาบวม

การรักษาตาบวมจะเน้นวิเคราะห์และดูแลตามสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งในแต่ละอาการจะมีวิธีในการที่แตกต่างกันออกไป โดยการรักษาเบื้องต้นจะมีดังนี้

  • หากผู้ป่วยรู้สึกปวดตาหรือมีอาการระคายเคืองตา ในช่วงแรกให้ใช้น้ำอุ่นสะอาดประคบบริเวณช่วงขอบและรอบดวงตา เพื่อช่วยลดอาการปวด แต่ถ้าหากมีอาการปวดเพิ่มมากขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ในทันที
  • หากผู้ป่วยมีอาการปวดบวมบริเวณรอบดวงตาและมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง, คลื่นไส้, อาเจียน, การมองเห็นได้น้อยลง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ซึ่งสาเหตุเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นจากการติดเชื้อของผิวหนังและเนื้อเยื่ออักเสบอย่างเฉียบพลันที่จะส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย หากได้รับการรักษาช้าเกินไป
  • ตาบวมที่เกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งจะส่งผลให้อาจมีอาการอักเสบบริเวณเปลือกตาหรือบริเวณรอบดวงตา ดังนั้นผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์ทันที ซึ่งอาการเหล่านี้อาจจะมีการติดเชื้อตามมา

การป้องกันอาการตาบวม

การเกิดตาบวมนั้นมีหลายสาเหตุ ซึ่งมีวิธีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการตาบวมได้ โดยเรามีวิธีในการป้องกันมาแนะนำดังนี้

  • การป้องกันตาบวมที่เกิดจากการร้องไห้เป็นเวลานาน ดังนั้นหลังร้องไห้แล้วควรล้างหน้าก่อนที่จะเข้านอน ซึ่งจะช่วยลดอาการตาบวมได้ดีและทำให้อาการบวมของตาที่เกิดขึ้นนั้นหายได้อย่างรวดเร็ว
  • ไม่ควรใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานหรือใช้งานในที่มืด ควรใช้งานในที่มีแสงสว่างเพียงพอและปรับแสงสว่างหน้าจอให้เหมาะสม หรือผู้ที่จำเป็นต้องใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เป็นเวลานาน ควรมีอุปกรณ์ป้องกัน เช่น การใช้แว่นตากรองแสง ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดอาการบวมของตาได้เป็นอย่างดี
  • ป้องกันการสัมผัสดวงตาโดยตรง ไม่ควรนำมือหรือสิ่งของอื่นไปสัมผัสบริเวณดวงตา ซึ่งจะทำให้เกิดอาการอักเสบได้ หากมีการสัมผัสที่รุนแรงจนเกินไป
  • หากผู้ป่วยนั้นเคยเกิดอาการตาบวมเนื่องจากภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจกระตุ้นอาการให้รุนแรงขึ้น เพราะนอกจากที่จะช่วยลดอาการตาบวมแล้ว ยังช่วยลดอาการอื่น ๆ ที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ของผู้ป่วยได้อีกด้วย

ตาบวม (Swollen Eyes) เป็นอาการที่พบเห็นได้บ่อย โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ซึ่งอาการตาบวมอาจจะมีมาจากหลายสาเหตุที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีวิธีในการรักษาที่แตกต่าง เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย หากสังเกตอาการตาบวมแล้วยังไม่หายภายใน 1-2 วัน หรือหากมีอาการปวดมากขึ้นรุนแรงกว่าเดิมก็สามารถพบแพทย์ได้ทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคที่ทำให้เกิดอาการตาบวมต่อไป