อาการผิวหนังอักเสบมักเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่พบได้บ่อยมาจาก “โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)” โดยความผิดปกติดังกล่าว ไม่ใช่แค่ทำให้เกิดผื่น หรือขุยที่ผิวหนัง แต่เสี่ยงที่อาการจะลุกลามไปยังผิวหนังส่วนอื่น เกิดขึ้นได้ทั้งปัจจัยที่มาจากภายใน และปัจจัยภายนอก ซึ่งมีการแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

1.โรคผิวหนังที่มาจากการติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อจากปรสิต เชื้อรา และแบคทีเรีย

2.โรคผิวหนังที่มีลักษณะเป็นผื่นแดง เช่น ลมพิษ และผลข้างเคียงจากการใช้ยา

3.โรคผิวหนังอักเสบที่ “เอกซิมา” เกิดจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก

4.โรคภูมิแพ้ผิวหนังจากการภูมิคุ้มกันทำลายเนื้อเยื่อ หรือที่เรียกว่า SLE

5.โรคผิวหนังอักเสบจากมะเร็ง

6.โรคผิวหนังที่มีอาการลอกเป็นเกล็ด หรือผื่นแดง เช่น โรคผื่นขุยกุหลาบ และโรคสะเก็ดเงิน

ผิวหนังอักเสบคืออะไร?

โรคผิวหนังอักเสบ หรือ Dermatitis มักเกิดขึ้นจากภาวะที่ผิวหนังมีความผิดปกติ พบได้จากหลายปัจจัย โดยหลัก ๆ มักจะมีอาการคันเป็นอาการเริ่มต้น จากนั้นจะตามมาด้วยผื่นแดง ผิวหนังบริเวณนั้นจะบวม อาจแสบร้อนร่วมด้วย บางอาการที่รุนแรงอาจมีแผลพุพอง โดยโรคผิวหนังอักเสบ เป็นการเรียกชื่อของโรคแบบกว้าง ๆ แต่แบ่งกลุ่มออกเป็นได้อีกหลายประเภท เช่น การอักเสบที่มาจากภูมิแพ้ผิวหนัง โรคเซบเดิร์ม การอักเสบจากการใช้ยาบางชนิด ไปจนถึงการติดเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น ไม่เพียงแค่ทำให้รู้สึกเกิดความรำคาญ ไม่สบายตัว แต่ยังทำให้เกิดความไม่มั่นใจตามมา เพราะหากเกิดที่บริเวณผิวนอกร่มผ้า จะเห็นความผิดปกติได้ชัดเจน ถ้าไม่รีบทำการรักษา ผิวหนังจะเกิดความผิดปกติมากขึ้น จนทำให้กลายเป็นแผลเป็นในอนาคตได้

ภาวะผิวหนังอักเสบที่เกิดจากปัจจัยภายในและภายนอก

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าผิวหนังอักเสบเกิดขึ้นได้ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน ซึ่งสามารถสังเกตได้ดังต่อไปนี้

1.ปัจจัยการอักเสบของผิวหนังที่มาจากปัจจัยภายใน

ปัจจัยภายในมักมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งพบได้บ่อย มักมีการถ่ายทอดจากพ่อแม่ อาการมากน้อยแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความบกพร่องที่พบ บางคนเป็น ๆ หาย ๆ มีช่วงอาการสงบ และมีช่วงที่อาการประทุขึ้นมา บางคนอาจพบการอักเสบตั้งแต่เด็ก และหายไปเองเมื่ออายุมากขึ้น แต่บางคนอาการจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาเมื่ออายุมากขึ้น โดยลักษณะผิวของผู้ป่วยจะมีน้ำมันกว่าคนทั่วไปในชั้นหนังกำพร้า ทำให้เกิดอาการแห้ง รู้สึกคันได้ง่ายเมื่อมีตัวกระตุ้น เช่น อากาศร้อน หรือการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ มีภาวะเครียด อาการอักเสบจะมากขึ้น เกิดผื่นแดงที่ผิวหนัง และเป็นขุยหรือสะเก็ดลอกออกมา

2.ปัจจัยการอักเสบของผิวหนังที่มาจากปัจจัยภายนอก

สภาพแวดล้อมภายนอกมีผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกาย ซึ่งอาจเป็นตัวกระตุ้นทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ จนกลายเป็นโรคผิวหนังที่ลุกลามบานปลายขึ้น ส่งผลกระทบต่อระบบภายใน เช่น สารเคมีจากเครื่องสำอางที่ทำให้เกิดการแพ้, ภาวะเครียด, การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ, การใช้ยาคุมกำเนิด, ผิวหนังสัมผัสกับสารเคมีอันตราย, การรับประทานอาหารบางชนิด เป็นต้น ซึ่งหากพบอาการผิดปกติ ใช้ยาทาบรรเทาอาการคันแล้วไม่หาย ให้รีบเข้ารับการตรวจจากแพทย์ เพื่อจะได้หาสาเหตุ และทำการรักษาได้ตรงจุด

ประเภทของยาทาแก้คันสำหรับ ผิวหนังอักเสบ

ยาทาแก้คัน เมื่อมีการอักเสบของผิวหนัง มีหลายประเภทให้เลือก สำหรับในกลุ่มที่อาการไม่รุนแรง สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นเพื่อลดอาการและความรำคาญ ซึ่งยาแก้คันสำหรับทาผิวหนังที่ควรรู้จัก มีคร่าว ๆ ดังนี้

ยาขี้ผึ้งแบบมีสเตียรอยด์ – เป็นยาสเตียร์รอยด์ที่อยู่ในกลุ่ม คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เหมาะสำหรับการรักษาอาการแดงตามผิวหนัง และอาการคัน เช่น ยาไตรแอมซิโนโลน เป็นต้น

ยาขี้ผึ้งแบบไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ – เป็นตัวยาที่เหมาะสำหรับการรักษาอาการคันที่ไม่รุนแรง ช่วยยับยั้งการเติบโตของโรค เช่น ยาแคปไซซิน

การใช้ยาทาแก้คัน ผิวหนังอักเสบ อาจไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ตรงจุดเสมอไป แต่มักจะเป็นตัวช่วยบรรเทา ทำให้อาการคันลดลง ซึ่งผู้ป่วยจะต้องหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ไม่แกะหรือเกาผิวหนังบริเวณที่มีปัญหา เมื่อทายาแก้คันต่อเนื่องเกินสัปดาห์แล้วยังพบว่าอาการไม่ดีขึ้น แถมยังลุกลาม มีอาการอื่นร่วมด้วย ควรเข้าพบแพทย์เพื่อจะได้หาต้นตอ และทำการรักษาได้อย่างถูกวิธี ป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม และช่วยให้โรคหายไวยิ่งขึ้น